พี่น้องนักวิชาการที่เคยผ่านการติดตามผลงานทางวิชาการของโลกสะละฟีย์ ผมเชื่อว่าหลายท่านคงจะเคยผ่านการอ่านบทความที่อยู่ในเว็ปไซต์ www.sahab.net ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเว็ปสะละฟัย์ที่โด่งดังที่สุดเว็ปหนึ่งและได้รับการรับรองจากนักวิชาการหลายๆ ท่าน เช่น ท่านชัยคฺเราะบีอฺ อัลมัดเคาะลีย์เป็นต้น
ในเว็ปไซต์ดังกล่าวปรากฏบทความชื่อว่า ذَهَابُ السُّهَادِ لِبَيَانِ خَلْقِ سَبْعِ أَرَضِينَ كَالسَّمَاوَاتِ ซึ่งบทความดังกล่าวนี้เขียนโดยท่านชัยคฺอบูมัรยัมอัยมัน อัลอาบิดีนีย์โดยที่ตัวท่านชัยคฺนั้นได้ถูกตัซกียะฮฺรับรองจากนักวิชาการสะละฟีย์อาวุโสอีกท่านคือท่านชัยคฺวาลิด หะซัน บินอับดิลวะฮฺฮาบ อัลบันนา
ฟังไฟล์เสียง : คลิก
ในบทความของท่านชัยคฺ ท่านชัยคฺได้ยกอายะฮฺอัลกุรอานที่ว่า
قَالَ تَعَالَى:{ أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا فَفَتَقْنَاهُمَا وَجَعَلْنَا مِنَ الْمَاءِ كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ أَفَلَا يُؤْمِنُونَ }[الْأَنْبِيَاءِ:30]،
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ (21:30)
หลังจากนั้นท่านชัยคฺก็ได้นำเสนอคำตัฟซีรของสะลัฟมาที่มีความหมายในทิศทางใกล้กัน แล้วท่านก็ยกคำพูดของท่านซะอี้ด บินญุเบรและท่านอื่นๆ มาเสนอความว่า
قَالَ سَعِيْدُ بْنُ جُبَيْرٍ-رَحِمَهُ اللَّهُ-:(( كَانَتِ السَّمَاءُ وَالْأَرْضُ مُلْتَزِقَتَيْنِ فَلَمَّا رَفَعَ السَّمَاءَ وَأَبْرَزَ مِنْهَا الْأَرْضَ كَانَ ذَلِكَ فَتْقَهُمَا الَّذِي ذَكَرَ اللَّهُ فِي كِتَابِهِ ))،
وَقَالَ الْحَسَنُ وَقَتَادَةُ-رَحِمَهُمَا اللهُ تَعَالَى-:(( كَانَتَا جَمِيعًا فَفَصَلَ بَيْنَهُمَا بِهَذَا الْهَوَاءِ ))،
ท่านซะอี้ด บินญุเบรได้กล่าวว่า โองการข้างต้นนั้นหมายถึงว่า ชั้นฟ้าและโลกเคยเชื่อมติดกัน ครั้นเมื่อพระองค์ได้ยกชั้นฟ้าขึ้นเบื้องสูงและทำให้โลกปรากฏขึ้นเอกเทศจากชั้นฟ้า เช่นนั้นแหละมันก็คือการแยกทั้งสองออกจากกันดังที่พระองค์ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ และท่านหะซันกับท่านเกาะตาดะฮฺก็ได้อธิบายว่า หมายถึงก่อนหน้านี้ชั้นฟ้าและโลกได้รวมกันทั้งหมดและต่อมาพระองค์จึงได้แยกมันออกจากกันด้วยอากาศ (ที่เข้ามาขั้นกลาง)
หลังจากนำเสนอคำตัฟซีรของสะลัฟเสร็จ ท่านชัยคฺก็ได้อธิบายไว้ว่า
وهذا الاتجاه في التفسير يتفق مع أدق النظريات العلمية في عصرنا، فالملاحظات العامة في هذا الكون أن بعض المجرات تنطلق بسرعة هائلة خارجة عن مركز الكون، مما يدل على أن هذا الكون كان ملتزقا، وكان كتلة واحدة، ويؤكد ذلك أنه من خلال طيف الإشعاعات تأكد أن مادة الكون واحدة وهناك نظرية أخرى لا تتحدث عن الكون كله وإنما عن المجموعة الشمسية أنها كانت كتلة واحدة وكل من هاتين النظريتين العلميتين تتفق مع قَوْلِ سَعِيدِ بْنِ جُبَيْرٍ في الآية.
และแนวโน้มอันนี้ที่ปรากฏอยู่ในตัฟซีรนั้น มันสอดคล้องกับรายละเอียดของบรรดาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ในยุคสมัยของเรา ข้อสังเกตโดยทั่วไปที่มีต่อจักรวาลนั้นระบุว่า บรรดากาแล็กซี่ได้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วอย่างมากจากศูนย์กลางของเอกภพ โดยที่สิ่งนั้นเป็นหลักฐานชี้ว่าจักรวาลของเราได้เคยเชื่อมติดกันเมื่อครั้งอดีต และจักรวาลของเราได้เคยอยู่ในสภาพที่เป็นมวลสารเดียวกันหมด และสิ่งที่สนับสนุนเรื่องดังกล่าวนั้นคือการเลื่อนไปทางแดงของสเปกตรัม (Redshift) ยืนยันว่าสสารต้นกำเนิดของจักรวาลนั้นเป็นอันเดียวกันทั้งหมด และ ณ จุดนี้ยังมีทฤษฎีอีกอันหนึ่งที่ไม่ได้อภิปรายถึงตัวจักรวาลทั้งหมด แต่อภิปรายถึงระบบสุริยะที่ระบุว่ามันเป็นเคยมวลเดียวกันอีกด้วย และทุกๆ ทฤษฎีจากทั้งสองทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์นี้สอดคล้องเป็นอย่างดีกับคำกล่าวของท่านซะอี้ดบินญุเบรที่ได้ตัฟซีรอายะฮฺนี้
จากนั้นท่านก็ได้ปิดท้ายบทความของท่านไว้ว่า
فَعَلَى تَفْسِيرِ ابْنِ عَبَّاسٍ أَوْ تَفْسِيرِ سَعِيدِ بْنِ جُبَيْرٍ فَإِنَّ الآيةَ أشارتْ إِلَى شيءٍ لَمْ يعرفُهُ الإنسانُ إلا متأخرًا. والملاحظُ أَنَّ الذينَ طَرَحُوا كُلَّاً مِنَ النَّظَرِيتينِ الكافرون، فكأنَهُ فِي قَوْلِهِ تَعَالَى { أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا } إشارةٌ إلى أن الكافرين سيكتشفون هذهِ الحقائقُ ويبرهنونَ عليها، وفي ذلك كُلِّهِ مظاهرٍ من إعجازِ هذا القرآن، الذي لا تتناهى عجائِبُهُ.
และจากคำอธิบายของท่านอิบนุอับบาซหรือท่านซะอี้ด บินญุเบรก็ได้ทำให้เราทราบว่าตัวโองการดังกล่าวได้บ่งชี้ถึงสิ่งที่มนุษย์ไม่มีทางรู้ได้ยกเว้นเพียงแค่มนุษย์ในยุคสมัยหลังๆ เท่านั้น และบรรดาผู้สังเกตการณ์ (ทางดาราศาสตร์) ซึ่งได้นำเสนอทฤษฎีเหล่านี้ขึ้นทั้งสองทฤษฎีล้วนแล้วแต่มาจากทฤษฎีของพวกกาฟิร ประหนึ่งราวกับว่าในโองการของพระองค์ตรงวรรคที่ว่า และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า เป็นการบ่งว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะค้นพบข้อเท็จจริงประการนี้และพวกเขาจะทำการพิสูจน์ในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความจริง และในเรื่องดังกล่าวนั้นทั้งหมดถือได้ว่าเป็นประจักษ์พยานด้านความมหัศจรรย์ของอัลกุรอานเล่มนี้ซึ่งเป็นความน่าฉงนใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด
อ่านบทความตัวเต็มได้ที่ : คลิก
บทความของชัยคฺอบูมัรยัมอัยมัน อัลอาบิดีนีย์ที่ปรากฏในเว็บไซต์ www.sahab.net
จากข้อเขียนของท่านชัยคฺข้างต้น ยืนยันอย่างดีว่าทฤษฎีบิกแบงที่อธิบายว่าจักรวาลกำเนิดมาจากจุดเดียวที่เชื่อมติดกันเป็นมวลเดียวเป็นสิ่งที่สอดคล้องกันกับคำตัฟซีรของสะลัฟ ดังนั้นวาทกรรมกล่าวหาว่าใครเชื่อบิกแบงเท่ากับปฏิเสธสะลัฟจึงเป็นเรื่องเลื่อนลอย ใครจะกล่าวหาความเชื่อเช่นนี้ทะลุสามด่านหรือเป็นบะลาอ์ของสะละฟีย์ ผมแนะนำให้ไปบอกชัยคฺเราะบีอฺให้ตับดีอฺชัยคฺท่านนี้ด้วยเลยแล้วกัน
ชี้แจงข้อสงสัย
ผู้คัดค้านบิกแบงในบ้านเราให้เหตุผลคัดค้านบิกแบงจากแง่มุมทางภาษาดังนี้
ข้ออ้างที่หนึ่ง: คำว่าแยกที่ถูกใช้ในโองการนี้ ใช้คำว่า ฟัตกฺ ซึ่งตามหลักภาษาที่ท่านอบูฮิล้าล-อัลอัสกะรี่ได้อธิบายไว้นั้น หากใช้คำว่า ฟัตกฺ จะหมายถึงสิ่งสองสิ่งที่ติดกันแล้วแยกมันออกจากกัน ทั้งสองจึงแยกจากกัน แต่ถ้าเป็นสิ่งเดียวกันแล้วแยกมันออกจากกันจะใช้คำว่า “ก้อฏออ่า-قطع” และ “ฟัศศ่อล่า-فصل” และ “ชักก้อ-شق” โดยจะไม่ใข้คำว่า “ฟะต้าก้อ-فتق”
ตอบ
คำกล่าวข้างต้นเป็น “ความเห็นหนึ่ง” ในทางภาษาของท่านอบูฮิล้าลเท่านั้น ซึ่งนักวิชาการท่านอื่นๆ มิได้จำกัดว่า การแยกของสิ่งเดียวกันจะใช้คำว่า อัลฟัตกฺ ไม่ได้ เพราะในคำตัฟซีรที่มีต่ออายะฮฺนี้ นักวิชาการได้ใช้คำว่า ฟัศลฺ และ ชักกฺ เป็นคำอธิบายถึงความหมายของคำว่า อัลฟัตกฺ อยู่แล้ว ท่านอิมามอัลบะเฆาะวีย์ กล่าวว่า
مَعْنَاهُ : أَلَمْ يَعْلَمِ الَّذِينَ كَفَرُوا ، ( أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا ) قَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا وَعَطَاءٌ وَقَتَادَةُ : كَانَتَا شَيْئًا وَاحِدًا مُلْتَزِقَتَيْنِ ( فَفَتَقْنَاهُمَا ) فَصَلْنَا بَيْنَهُمَا بِالْهَوَاءِ ، وَالرَّتْقُ فِي اللُّغَةِ : السَّدُّ ، وَالْفَتْقُ : الشَّقُّ .
ความหมายของมันคือ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่รู้ดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้ได้ ร็อตก็อน ท่านอิบนุอับบาซ ท่านอะฏออ์ และท่านเกาะตาดะฮฺ ได้อธิบายว่า แต่ก่อนนี้มันทั้งสองเคยเป็นสิ่งเดียวกันที่แนบติดกันและกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน หมายถึงพระองค์ได้แยก (ฟัศลฺ) ชั้นฟ้าและแผ่นดินออกจากกันด้วยชั้นอากาศ (ที่ขั้นกลางระหว่างมันทั้งสอง) อนึ่งคำว่า อัรร็อตกฺ ตามภาษาหมายถึง การปิด และคำว่า อัลฟัตกฺ หมายถึง อัชชัก (การแยกออก) (ตัฟซีรอัลบะเฆาะวีย์ เล่ม 5 หน้า 316)
จากคำพูดของท่านบะเฆาะวีย์ข้างต้น ทำให้เราได้สาระอยู่สามประการว่า
- สะลัฟอธิบายการรวมตรงนี้ว่าเป็น “สิ่งเดียวกัน”
- ตรงการอธิบายคำว่า แยก (อัลฟัตกฺ) ได้ใช้คำตัฟซีรด้วยคำว่า ฟะศ็อลนา หรือ อัลฟัศลฺ นั่นเอง
- ท่านอัลบะเฆาะวีย์เองได้อธิบายว่า ในทางภาษาแล้ว อัลฟัตกฺ มีความหมายว่า อัชชักกฺ ที่ตัวผู้คัดค้านบอกว่าจะใช้ในความหมายของสิ่งเดียวกันแล้วแยกมันออกจากกัน
ฉะนั้นคำอธิบายของท่านอัลบะเฆาะวีย์จึงถูกต้องกว่าบนพื้นฐานของการอ้างอิงรายงานจากชาวสะลัฟ ด้วยเหตุนี้นักตัฟซีรอีกท่านคือ ท่านอัลบัยฎอวีย์ จึงได้อธิบายโองการนี้ว่า
أَوَلَمْ يَرَ الَّذِيْنَ كَفَرُوْا ( أَوَلَمْ يَعْلَمُوْا : وَقَرَأَ ابْنُ كَثِيْرٍ بِغَيْرِ وَاوٍ ) أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا (ذَاتَ رَتْقٍ أَوْ مَرْتُوْقَيْنِ وَهُوْ الضَّمُّ وَالْاِلْتِحَامُ أَىْ كَانَتَا وَاحِدًا وَحَقِيْقَةً مُتَّحِدَةً) فَفَتَقْنَا هُمَا (بِالتَّنْوِيْعِ وَالتَّمْيِيْزِ …………….
บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไม่เคยเห็นหรือว่า … (พวกเขาไม่เคยรู้หรือว่า …แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน (คือโลก) นั้น เมื่อก่อนมันทั้งสองติดกัน .. (ทั้งสองถูกทำให้ติดกัน นั่นคือผนวกรวมกันและเป็นเนื้อเดียวกัน .. คือ เมื่อก่อนทั้งสองนั้นเป็นสิ่งเดียว เป็นแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียว) แล้วเราก็แยกทั้งสองออกจากกัน ด้วยการแยกชนิดและจำแนกลักษณะ ตัฟซีรฺ “อัล-บัยฎอวีย์” เล่มที่ 4 หน้า 60
จากคำอธิบายของอัลบัยฎอวีย์ข้างทำให้เราได้ว่า
การแยกชนิดได้ว่าอะไรคือชั้นฟ้าอะไรคือโลก เกิดขึ้นหลังจากการแยกแล้ว แต่ตอนเชื่อมติดกันนั้นได้อยู่ในสภาพหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งตรงกับข้อสรุปของชัยคฺอบูมัรยัมที่ว่ามันรวมกันในสภาพที่เป็นมวลสารเดียวกัน
ฉะนั้นข้ออ้างที่ว่าการตัฟซีรด้วยบิกแบงไม่ตรงกับหลักภาษาและสะลัฟจึงเป็นข้อกล่าวหาที่ผิด
ซึ่งประเด็นเรื่องลำดับการกำเนิดโลกและจักรวาลตามที่ผู้คัดค้านได้ท้าทายให้เราอธิบายนั้น เราจะได้อธิบายอย่างแน่นอนอินชาอัลลอฮฺ แต่ในช่วงนี้เราต้องการนำเสนอข้อเขียนของนักวิชาการที่ยืนยันว่าบิกแบงตรงกับอัลกุรอานไปก่อน ไม่ต้องห่วงอดใจรอท่านได้อ่านแน่