อัลกุรอานกับทฤษฎีบิกแบง (14) : ตอบโต้การดิสเครดิสต์และแก้เกี้ยวต่อข้อเขียนของชัยคฺอบูอัยมันและอิมามบัยฎอวีย์

หลังจากที่เราได้นำเสนอบทความของชัยคฺอบูอัยมัน อัสสะละฟีและท่านอิมามบัยฎอวีย์ย์ตรงนี้ (ตอนที่ 11)

ก็ปรากฏว่าผู้คัดค้านเรื่องบิกแบงเจ้าเดิมได้ออกมาคัดค้านตามสไตล์การแถไถแบบเดิมๆ ดังนี้

กรณีชัยคฺอบูอัยมัน

ประเด็นที่หนึ่ง อ้างว่าเชคอบูอัยมันเป็นแค่คนเล่นเว็บบอร์ดทั่วๆ ไป

ตอบ

นี่เป็นการดูถูกนักวิชาการที่น่าเกลียดที่สุด เราได้เสนอไปแล้วว่า ชัยคฺอบูมัรยัมอัยมัน อัลอาบิดีนีย์ นั้นเป็นนักวิชาการที่ได้ถูกตัซกียะฮฺรับรองจากนักวิชาการสะละฟีย์อาวุโสอีกท่านคือท่านชัยคฺวาลิดหะซันบินอับดิลวะฮฺฮาบ อัลบันนา
ฟังไฟล์เสียง : คลิก 

ซึ่งปัจจุบันตัวท่านทำหน้าที่สอนวิชาอะกีดะฮฺแก่พี่น้องสะละฟีย์ในประเทศอียิปต์ไม่ใช่คนธรรมดาๆ แต่อย่างใด

ประเด็นที่สอง : ผู้คัดค้านถามมาว่า ในเว็ปซะฮาบที่เราอ้างงานเขียนของชัยคฺอบูอัยมันมา มีคำฟัวาของเชคเฟาซานที่ค้านกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ทำไมทางเราถึงไม่อ้างเชคเฟาซานบ้างในเมื่อเชคเฟาซานมีความรู้มากกว่า

ตอบ

การที่เราไม่อ้างชัยคฺเฟาซานในเรื่องนี้มา เพราะความเห็นและฟัตวาของชัยคฺเฟาซานในเรื่องวิทยาศาสตร์นี้สวนทางกับความเห็นของนักวิชาการท่านอื่นอย่างชัยคฺอุษัยมีนและชัยคฺศอลิฮฺ อาลเชค ชัยคฺเฟาซานนั้นคัดค้านการอธิบายอัลกุรอานด้วยวิทยาศาสตร์ทุกกรณี

ซึ่งเราเห็นว่าไม่ถูกต้องและค้านกับความเห็นของชัยคฺอุษัยมีน น่าแปลกว่ามีแต่คนคัดค้านบิกแบงเองยังเคยป่าวประกาศว่าตนเองไม่ได้ปฏิเสธการอธิบายอัลกุรอานด้วยวิทยาศาสตร์ที่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่ไปๆ มาๆ พอจะแย้งคนอื่นกลับขัดแข้งขัดขาตนเอง ยกชัยคฺเฟาซานที่ค้านกับคำพูดตนเองมานำเสนอ

ผมต้องถามท่านมากกว่าท่านจะเอาอะไรกันแน่?

ประเด็นที่สาม ชัยคฺอบูอัยมันยังได้เขียนในบทความว่าคำพูดของสะลัฟนั้นตรงกันกับทฤษฎีเนบิวล่า ซึ่งกิบารได้คัดค้านเรื่องนี้ไว้

ตอบ

เรายกคำพูดชัยคฺมาในเรื่องบิกแบงนะครับ เรายังไม่ได้คุยเรื่องเนบิวล่า และเราก็ได้เขียนชี้แจงไปแล้วว่าทฤษฎีเนบิวล่าเป็นคนละเรื่องกับบิกแบงและเราก็ได้เขียนไปแล้วว่ากิบารได้ตำหนิว่าแนวคิดเรื่องเนบิวล่าเนคนละเรื่องกับเนื้อหาในซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอ์ อ่านได้ที่ (ตอนที่ 7)

ประเด็นที่สี่ : ผู้คัดค้านกล่าวหาเราอีกตามเคยว่า อ้างเวปซะฮาบเฉพาะที่ถูกใจ

ตอบ

ถ้าท่านพูดแบบนี้ ตัวท่านเองก็ถือว่าอ้างเฉพาะเวปซะฮาบที่ถูกใจเช่นเดียวกัน แต่พอเป็นงานเขียนของชัยคฺอบูอัยมันแม้จะมาจากเว็ปซะฮาบเหมือนกัน ท่านก็ไม่เอา แบบนี้ก็ถือว่าท่านกระทำในสิ่งที่ท่านด่าคนอื่นเสียเอง นี่ยังไม่ได้คำตอบเลยว่าไปเอามันฮัจจากไหนว่าเมื่อว่าอ้างเวปเดียวก็ต้องอ้าทุกจุดของเวป สรุปคือที่แย้ง ๆ มาไม่มีอะไรนอกจากแถไปเรื่อยนะครับ

กรณีอิมามบัยฎอวีย์

ทางผู้คัดค้านบิกแบงได้แก้เกี้ยวคำพูดของท่านอิมามบัยฎอวีย์ที่เราได้เสนอไปดังนี้

أَوَلَمْ يَرَ الَّذِيْنَ كَفَرُوْا ( أَوَلَمْ يَعْلَمُوْا : وَقَرَأَ ابْنُ كَثِيْرٍ بِغَيْرِ وَاوٍ ) أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا (ذَاتَ رَتْقٍ أَوْ مَرْتُوْقَيْنِ وَهُوْ الضَّمُّ وَالْاِلْتِحَامُ أَىْ كَانَتَا وَاحِدًا وَحَقِيْقَةً مُتَّحِدَةً) فَفَتَقْنَا هُمَا (بِالتَّنْوِيْعِ وَالتَّمْيِيْزِ …………….

บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไม่เคยเห็นหรือว่า … (พวกเขาไม่เคยรู้หรือว่า …แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน(คือโลก)นั้น เมื่อก่อนมันทั้งสองติดกัน .. (ทั้งสองถูกทำให้ติดกัน นั่นคือผนวกรวมกันและเป็นเนื้อเดียวกัน .. คือ เมื่อก่อนทั้งสองนั้นเป็นสิ่งเดียว เป็นแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียว) แล้วเราก็แยกทั้งสองออกจากกัน ด้วยการแยกชนิดและจำแนกลักษณะ

ตัฟซีรฺ “อัล-บัยฎอวีย์” เล่มที่ 4 หน้า 60

โดยผู้แก้เกี้ยวได้แย้งมาดังนี้

ประเด็นที่หนึ่ง อิมามบัยฎอวีย์ไม่ได้ใช้คำว่าระเบิด แต่บิกแบงคือระเบิด

ตอบ

นี่คือการแถที่ไร้สาระมาก ผมไม่อยากจะโต้แย้งตรงนี้ยาวตรงนี้ เดี๋ยวในตอนต่อๆ ไปเราจะชี้แจงว่าระเบิดของบิกแบงหมายถึงอะไร ผมแนะนำว่าให้ผู้คัดค้านไปศึกษาข้อมูลทางดาราศาสตร์ก่อนว่า ระเบิดที่ใช้ในบิกแบงเขาใช้ในความหมายอะไรแน่ บอกไว้เป็นพื้นก่อนว่ามันไม่ใช่ระเบิดในนิยามที่เราเข้าใจกัน มันเป็นเพียงศัพท์เทคนิค

ประเด็นที่สอง คำพูดอิมามบัยฎอวีย์ไม่มีจุดไหนให้ความหมายว่า “”ละลายหลอมรวมกัน” พวกท่านเพี่ยงแต่ใช้การตีความเอาจากคำว่า “คือข้อเท็จจริงอันเป็นหนึ่งเดียวกัน” ทึกทักเอากันเองว่า “หลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน”

ตอบ

1.คำว่า حَقِيْقَةً مُتَّحِدَةً ในประโยคนี้หมายถึง (เป็นแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียว) เพราะบริบทกำลังพูดถึงการรวมกันของฟ้าและดิน อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัยได้แสดงความเห็นต่อคำนี้ว่า

“คำกล่าวที่ว่า حَقِيْقَةً مُتَّحِدَةً (เป็นแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียว) น่าจะมีความหมายว่า เมื่อก่อนทั้งสอง (คือฟ้าและดิน) นั้นเคย “หลอมรวมกัน” เป็นหนึ่งเดียว จนดูไม่ออกและแยกแยะไม่ได้ว่า ไหนคือฟ้า ไหนคือดิน เพราะถ้าทั้งฟ้าและดินต่างมีลักษณะเฉพาะตัวมาแต่เดิม แล้วถูกนำมาประกบติดกันจนเป็นอันเดียวกัน, หรือถูกสร้างให้ติดกันมาตั้งแต่ต้น แต่ยังสามารถแยกแยะได้ว่าไหนคือฟ้า ไหนคือดิน แล้วจะเรียกทั้งสองนั้นว่าเป็น حَقِيْقَةً مُتَّحِدَةً ได้อย่างไร ? …

2. คำกล่าวที่ว่า بِالتَّنْوِيْعِ (ด้วยการแยกชนิด) .. คือ พระองค์อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ทรงแยกทั้งสองออกเป็นสองชนิดหลังจากที่มันเคยรวมเป็นชนิดเดียวมาก่อน, .. คือ แยกเป็นฟ้าชนิดหนึ่ง และแยกเป็นดิน(โลก) อีกชนิดหนึ่ง โดยให้มีห้วงอากาศคั่นกลางไว้ …

3. คำกล่าวที่ว่า وَالتَّمْيِيْزِ (และจำแนกลักษณะ) .. คือ พระองค์ทรงจำแนกลักษณะของฟ้าและดินให้มีสภาพและสถานภาพแตกต่างกันดังปรากฏในปัจจุบัน, เช่น ทรงยกฟ้าให้ขึ้นอยู่เบื้องสูง และให้ดินอยู่เบื้องต่ำ, ทรงให้ฟ้าเป็นที่อยู่ของดวงอาทิตย์, ดวงดาวและมวลมลาอิกะฮ์ ส่วนดินเป็นที่อยู่ของมนุษย์, สัตว์ พืชและญิน เป็นต้น .. วัลลอฮุ อะอฺลัม …”

จากคำอธิบายของอัลบัยฎอวีย์ข้างทำให้เราได้ว่า การแยกชนิดได้ว่าอะไรคือชั้นฟ้าอะไรคือโลก เกิดขึ้นหลังจากการแยกแล้ว แต่ตอนเชื่อมติดกันนั้นได้อยู่ในสภาพหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งตรงกับข้อสรุปของเชคอบูมัรยัมที่ว่ามันรวมกันในสภาพที่เป็นมวลสารเดียวกัน ฉะนั้นข้ออ้างที่ว่าการตัฟซีรด้วยบิกแบงไม่ตรงกับหลักภาษาและสะลัฟจึงเป็นข้อกล่าวหาที่ผิด

ประเด็นที่สาม อัลบัยฎอวีย์คืออะชาอิเราะฮฺจึงเชื่อถือไม่ได้และผู้อ้างอิมามบัยฎอวีย์ก็ย่อมไม่ใช่สะละฟีย์

ตอบ

นี่เป็นการวางมันฮัจมั่วๆ ของผู้คัดค้าน นักวิชาการในโลกอิสลามทั้งในแขนงหะดีษและตัฟซีร หลายๆ ท่านล้วนแล้วแต่มีแนวคิดแบบอะชาอิเราะฮฺในเรื่องการตีความศิฟัตเต็มไปหมด

ตั้งแต่อิมามกุรตุบีย์, อิมามนะวะวีย์, อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ และท่านอื่น  แต่แม้ว่าอิมามเหล่านี้จะมีการตีความศิฟัต ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกห้ามการอ้างอิงตำราจากคนเหล่านี้ในส่วนที่ถูกต้องได้เลย

ปราชญ์สะละฟีย์เกือบทุกคนมีการอ้างงานเขียนของนักวิชาการสายอะชาอิเราะฮฺ อุละมาอ์หลายท่านยังอ้างอิงงานเขียนของท่านอิบนุหะยัร อัลฮัยตะมีย์ด้วยซ้ำไป ซึ่งไม่มีใครเขาทะลึ่งพูดว่าปราชญ์สะละฟีย์เหล่านี้กลายเป็นอะชาอิเราะฮฺแต่อย่างใด กรณีอิมามบัยฎอวีย์ก็เช่นเดียวกัน