เมื่อโดนใส่ไคล้ว่าทำลายความน่าเชื่อถือของเศาะฮาบะฮ์ ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วอธรรมใส่คนอื่น
ในศาสตร์ของหะดีษนั้น เป็นเรื่องปกติที่นักวิชาการจะมีการขัดแย้งกันว่า บุคคลหรือผู้รายงานบางท่านจะมีสถานะเป็นเศาะฮาบะฮฺหรือไม่ เช่น กรณีของ ฮิจรฺ บินอะดีย์ ที่นักวิชาการขัดแย้งกันว่าเขาเป็นเศาะฮาบะฮฺหรือเป็นตาบิอีน โดยปราชญ์ส่วนมากถือว่าเขาคือตาบิอีน การที่เรานำเสนอทัศนะทั้งหมดว่า นักวิชาการมีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับผู้รายงานแบบนี้ เพื่อให้เกิดการเข้าใจถึงมุมต่างของนักหะดีษในการออกผลสรุปที่แตกต่างกันของประเด็นหนึ่ง ๆ ในทางวิชาการไม่มีใครเขาเรียกว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของบรรดาสาวก นี่เป็นการสร้างมาตรฐานผิดๆ ของนักสอนศาสนาบางคน ถ้าใช้ตรรกะแบบนี้ สงสัยบุคคลที่ปราชญ์เขาขัดแย้งกันว่าเป็นนบีหรือไม่ เช่น นบีคอดิร แล้วถ้าเราเสนอทัศนะว่ามีนักวิชาการมีความเห็นว่าท่านมิใช่นบี แบบนี้เราไม่กล่าวหาคนว่าลดเกียรตินบีหรอกหรือ วัลอิยาสุบิลละฮฺ นี่คือมาตรฐานผิด ๆ ของนักบรรยายบางคน ผมเคยบรรยายไปในครั้งหนึ่งว่า หะดีษที่สาวกท่านหนึ่ง (ท่านฏอริก) หุกุ่มกุนูตว่าเป็นบิดอะฮฺนั้น ในทางปฏิบัติยังอาจมีนักวิชาการบางท่านไม่รับหะดีษนั้นเป็นหลักฐานเพราะไม่คิดว่าเขาเป็นเศาะฮาบะฮฺ เมื่อไม่ใช่เศาะฮาบะฮฺนักวิชาการที่เห็นแบบนี้ก็ย่อมมองว่าใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมีคนบรรยายบางคนไปหลุดปากพูดว่าหะดีษบทนี้นักวิชาการ “ทุกคน” เห็นพ้องว่าเศาะฮีฮฺ อีกทั้งผมต้องการนำเสนอให้ผู้ฟังทราบถึงข้อโต้แย้งของแต่ละฝ่าย ส่วนในการให้นำหนัก ผมก็พูดชัดเจนว่าเขาคือสาวกนบี และที่ท่านเคาะฏีบค้านเรื่องนี้นั้นไม่มีน้ำหนัก ฉะนั้นในมุมมองของเราหะดีษบทนี้จึงถูกต้อง แต่บางคนไม่รู้สับสนอะไร ออกมาโต้แย้งเราแบบหลงประเด็นโต้ลม 1. กล่าวหาเราว่าทำลายความน่าเชื่อถือของเศาะฮาบะฮฺ ทั้งที่เราเองให้น้ำหนักว่าเขาคือ เศาะฮาบะฮฺ ตกลงการที่ท่านเคาะฏีบสงสัยในการเป็นสาวกของเขา ท่านไม่กล่าวหาท่านเคาะฏีบเลยล่ะว่าทำลายฐานะเศาะฮาบะฮฺ 2. เราเสนอความเห็นที่แตกต่างกันในหมู่นักวิชาการ เพื่อให้ทราบว่าทำไมนักวิชาการบางท่านไม่รับหะดีษบทนี้ แต่กลายเป็นว่าแบบนี้ คือการทำลายสาวก นี่คือการสร้างมาตรฐานผิดๆ ในโลกวิชาการ […]