ส่งเสริมให้ถือศีลอด 8 วันแรกของเดือนซุลหิจญะฮ์และวันอะเราะฟะฮ์

❝ปวงปราชญ์ด้านนิติศาสตร์อิสลาม (ฟุเกาะฮาอ์) มีทรรศนะเห็นพ้องกัน (อิตติฟาก) ว่าส่งเสริม (มุสตะหับ) ให้ถือศีลอด 8 วันแรกของเดือนซุลหิจญะฮ์ก่อนวันอะเราะฟะฮ์ ทั้งนี้ จากอับดุลลอฮ์ อิบนุอับบาส รายงานว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮ์ ﷺ ได้กล่าวว่า: ‘ไม่มีวันใดอีกแล้วที่การทำกิจกรรมที่ดีจะเป็นที่รักของอัลลอฮ์ยิ่งไปกว่าในวันเหล่านี้’ −ท่านหมายถึงวันทั้งสิบ (แรกของเดือนซุลหิจญะฮ์)– บรรดาเศาะหาบะฮ์ถามว่า: ‘โอ้เราะสูลุลลอฮ์ แม้แต่ญิฮาดในวิถีทางของอัลลอฮ์ก็ไม่อาจเทียบได้กระนั้นหรือ ?’ ท่านตอบว่า: ‘แม้แต่ญิฮาดในวิถีทางของอัลลอฮ์ก็ไม่อาจเทียบได้ เว้นแต่ชายคนหนึ่งเขาได้ออกไปรบโดยพาชีวิตและทรัพย์สินของเขาออกไป แล้วเขาก็ไม่ได้กลับคืนมาเลยสักสิ่งหนึ่งจากนั้น (ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือทรัพย์สินก็ตาม คนนี้เท่านั้นที่จะมีฐานะเหนือกว่า)’❞ [กระทรวงสาธารณสมบัติและกิจการอิสลาม, “อัลเมาสูอะฮ์ อัลฟิกฮียะฮ์,” 45 เล่ม, (คูเวต: กระทรวงสาธารณสมบัติและกิจการอิสลาม, ฮ.ศ. 1413 / ค.ศ. 1993), เล่ม 28: หน้า 91.] อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานี ได้กล่าวว่า: ❝หะดีษนี้ถูกนำมาอ้างอิงหลักฐานยืนยันถึงความประเสริฐของการถือศีลอด 10 วันของเดือนซุลหิจญะฮ์เนื่องจากการถือศีลอดได้ครอบคลุมอยู่ในการกระทำความดีงาม❞ [อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานี, “ฟัตหุลบารี […]

Om Omar Muktar

12/08/2561

“รายอแน” ออกอีด (อีกครั้ง) หลังถือศีลอด 6 วันเดือนเชาวาล

“รายอแน” ออกอีด (อีกครั้ง) หลังถือศีลอด 6 วันเดือนเชาวาล ในอียิปต์ก็มีเรื่องทำนองนี้ คือ เรียกวันออกบวช 6 ว่า ‘อีดิลอับรอร’ โดยผู้คนจะไปรวมตัวกันที่มัสญิดอัลหุสัยน์ หรือมัสญิดซัยนับ แล้วก็มีการกลับไปทำอาหารพิเศษ เช่น ข้าวหุงกับนมรับประทานกันที่บ้าน โดยชัยค์มุหัมมัด อะห์มัด อับดุสสะลาม คิฎร์ อัชชุก็อยรี กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นอุตริกรรม (บิดอะฮ์) และท่านเรียกอีดนี้ว่า ‘อีดิลฟุจญาร’ คือ อีดของคนชั่ว ไม่ใช่ ‘อีดิลอับรอร’ คือ อีดของคนดี [ดูเพิ่มเติมได้ที่ มุหัมมัด อะห์มัด อับดุสสะลาม คิฎร์ อัชชุก็อยรี, อัสสุนัน วัลมุบตะดะอาตฯ, (ไคโร: ดารุลกิตาบ วัสสุนนะฮ์, 2010), น. 186.] ❝ส่วนการยึดถือเอาเทศกาลหนึ่งเทศกาลใด (นำมาสมโภชเฉลิมฉลอง) –นอกเหนือไปจากเทศกาลที่มีระบุไว้ตามศาสนบัญญัติ– เช่น บางคืนของเดือนเราะบีอุลเอาวัลที่เรียกกันว่า ‘คืนเมาลิด’ หรือบางคืนของเดือนเราะญับ หรือวันที่ […]

Om Omar Muktar

17/06/2561

การถือศีลอดกิจอาสาสำหรับผู้ที่ยังติดค้างการถือศีลอดชดใช้เดือนเราะมะฎอน

การถือศีลอดกิจอาสาสำหรับผู้ที่ยังติดค้างการถือศีลอดชดใช้เดือนเราะมะฎอน   “บรรดานักนิติศาสตร์อิสลามมีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับหุกม์ของการถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) ก่อนจะมีการชดใช้ (เกาะฎออ์) ศีลอดเราะมะฎอนให้แล้วเสร็จ โดยที่มัซฮับอัลหะนะฟียะฮ์ถือว่าอนุญาต (ญะวาซ) ให้ถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) อย่างไม่น่ารังเกียจ (มักรูฮ์) แต่อย่างใด เพราะการชดใช้ศีลอดเราะมะฎอนไม่ได้ถูกบังคับให้กระทำโดยทันที . . . ขณะที่มัซฮับอัลมาลิกียะฮ์และอัชชาฟิอียะฮ์ ถือว่าอนุญาต (ญะวาซ) แต่เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ (มักรูฮ์) เพราะเท่ากับว่าเป็นการละทิ้งสิ่งที่เป็นวาญิบไว้เบื้องหลัง (แทนที่จะจัดการให้แล้วเสร็จก่อนที่จะทำในสิ่งที่เป็นตะเฏาวุอ์) อัดดุสูกี กล่าวว่า: ‘เป็นการน่ารังเกียจที่จะถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) สำหรับผู้ที่ยังมีศีลอดวาญิบค้างอยู่ เช่น ศีลอดเนื่องจากการบนบาน (นะซัร) ศีลอดที่ค้างอยู่ (เกาะฎออ์) และศีลอดกัฟฟาเราะฮ์ ไม่ว่าการถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) ที่เขาจะถือปฏิบัติก่อนที่จะมีการถือศีลอดวาญิบนั้นจะเป็นสุนนะฮ์ไม่มุอักกะดะฮ์หรือสุนนะฮ์มุอักกะดะฮ์ เช่นการถือศีลอดวันอาชูรออ์ และวันที่ 9 ของเดือนซุลหิจญะฮ์ (วันอะเราะฟะฮ์) ก็ตาม ตามทัศนะที่มีน้ำหนักมากกว่า (รอญิห์)’ ส่วนมัซฮับอัลหะนาบิละฮ์ ถือว่าเป็นบาปที่จะถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) ก่อนที่จะมีการชดใช้ (เกาะฎออ์) ศีลอดเราะมะฎอนให้แล้วเสร็จ และถือว่าการถือศีลอดที่เป็นกิจอาสา (ตะเฏาวุอ์) […]

Om Omar Muktar

17/06/2561

ศาสนามีข้อกำหนด (หุกม์) อย่างไรเกี่ยวกับการรับชมการแข่งขันกีฬา?

๏ คำถามที่สองจากคำวินิจฉัย (ฟัตวา) เลขที่ 18951 คำถาม: ศาสนามีข้อกำหนด (หุกม์) อย่างไรเกี่ยวกับการรับชมการแข่งขันกีฬา อาทิ การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือกีฬาประเภทอื่น ๆ ? คำตอบ: การแข่งขันฟุตบอลเพื่อแลกกับเงินหรือรางวัลนั้น ถือเป็นการกระทำที่ต้องห้าม (หะรอม) เนื่องจากการพฤติกรรมดังกล่าวคือการพนัน และเนื่องจากบทบัญญัติศาสนาไม่อนุญาตให้รับค่าตอบแทนจากการเข้าแข่งขันใด ๆ เว้นแต่ในกรณีการแข่งขันนั้นอยู่ในชนิดที่ศาสนบัญญัติได้อนุมัติให้จัดขึ้นเท่านั้น ได้แก่ การแข่งม้า, แข่งอูฐ และแข่งยิงธนู ด้วยเหตุนี้การเข้าร่วมในการแข่งขันดังกล่าวในตอนต้นจึงเป็นสิ่งต้องห้าม นอกจากนั้นการรับชมการแข่งขัน สำหรับผู้ที่ทราบว่าการแข่งขันที่กำลังรับชมนั้นคือการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงื่อนไข (พนัน) ก็ถือเป็นเรื่องต้องห้ามด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เหตุที่นับว่าการเข้าร่วมแข่งขันเป็นเรื่องต้องห้ามด้วยนั้น อันเนื่องมาจากการที่เขานำตัวเข้าไปร่วมในกิจกรรมดังกล่าวก็เท่ากับว่าเขายอมรับในกิจกรรมนั้น ๆ ด้วยนั่นเอง ส่วนในกรณีที่การแข่งขันจัดขึ้นโดยไม่แลกกับค่าตอบแทน และไม่เป็นการรบกวนกับการปฏิบัติศาสนกิจซึ่งอัลลอฮ์ทรงกำหนดไว้ อาทิ การละหมาด อีกทั้งยังปราศจากจากสิ่งต้องห้ามต่าง ๆ อาทิ การเปิดเผยเอาเราะฮ์ การปะปนกันระหว่างชายกับหญิง (อิคติลาฏ) หรือการเล่นเครื่องดนตรีและอื่น ๆ แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดแต่ประการใดในการเข้าร่วมและรับชมการแข่งขันประเภทนี้ -วะบิลลาฮิตเตาฟีก, วะศ็อลลัลลอฮุ อะลา นะบียินา มุหัมมัด วะอาลิฮี […]

Om Omar Muktar

15/06/2561

[ประเด็นร้อนเดือนเราะมะฎอน] การดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันแรกของเดือนใหม่ ตอนที่ 2 (จบ)

[ โปรดอ่านตอนที่แล้ว  บทความนี้มี 2 ตอน โปรดอ่านให้จบ พิจารณาด้วยใจที่เป็นกลางและ #เปิดใจให้กว้างแก่ทรรศนะที่เราไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้] ทรรศนะที่ 2: สำหรับแต่ละเมืองก็ให้ชาวเมืองดูจันทร์เสี้ยว (เพื่อกำหนดวันถือศีลอดและวันออกอีด) ของตนเอง “๏ บทว่าด้วยการอธิบายว่า สำหรับแต่ละเมืองก็ให้ชาวเมืองดูจันทร์เสี้ยว (เพื่อกำหนดวันถือศีลอดและวันออกอีด) ของตนเอง และเมื่อใดที่พวกเขาเห็นจันทร์เสี้ยว ข้อกำหนด (หุกม์) การเห็นของพวกเขาจะไปกำหนดสำหรับเมืองอื่นที่อยู่ห่างไกลจากพวกเขาไม่ได้ – รายงานจากกุร็อยบ์ว่า : อุมมุลฟัฎล์ บินติลหาริษ ได้ส่งเขาไปหามุอาวิยะฮ์ที่แคว้นชาม เขากล่าวว่า : ‘ฉันได้เดินทางไปที่ชาม และได้จัดการธุระของนางแล้วขณะนั้นเดือนเราะมะฎอนได้ย่างเข้ามาขณะฉันยังอยู่ที่ชาม โดยฉันเห็นจันทร์เสี้ยวข้างขึ้นในคืนวันศุกร์ ต่อมาฉันได้เดินทางกลับนครมะดีนะฮ์ในตอนปลายเดือน ซึ่งอิบนุอับบาสได้ถามฉันแล้วก็คุยกันเรื่องจันทร์เสี้ยว’ เขาถามว่า : ‘พวกท่านเห็นจันทร์เสี้ยวกันเมื่อใด ?’ ฉันตอบว่า : ‘พวกเราเห็นมันในคืนวันศุกร์’ เขาถามต่อว่า : ‘ท่านได้เห็นมันด้วยตัวเองหรือ ?’ ฉันตอบว่า : ‘ใช่ ! และคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย พวกเขาจึงได้ถือศีลอด และมุอาวิยะฮ์ก็ถือศีลอด’ เขากล่าวว่า […]

Om Omar Muktar

10/06/2561

[ประเด็นร้อนเดือนเราะมะฎอน] การดูจันทร์เสี้ยวเพื่อกำหนดวันแรกของเดือนใหม่ ตอนที่ 1

[บทความนี้มี 2 ตอน โปรดอ่านให้จบ พิจารณาด้วยใจที่เป็นกลางและ #เปิดใจให้กว้างแก่ทรรศนะที่เราไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้] ทรรศนะที่ 1: เมื่อชาวเมืองใดเมืองหนึ่งได้เห็นจันทร์เสี้ยว เมืองอื่น ๆ ทั้งหมดก็จำต้องเห็นพ้องและปฏิบัติตาม อิมามอิบนุลมุนซิร (ฮ.ศ. 241-318; มุจญ์ตะฮิดแห่งมัซฮับอิมามอัชชาฟิอี) “เมื่อมีการยืนยันเห็นจันทร์เสี้ยว ณ เมืองใดเมืองหนึ่ง และไม่มีการยืนยันว่าเห็นจันทร์เสี้ยว ณ เมืองอื่น ๆ บรรดานักวิชาการมีทรรศนะที่แตกต่างกันในเรื่องนี้เป็นสองทรรศนะ ดังนี้ :- (1) ให้แต่ละเมืองใช้เกณฑ์การเห็นจันทร์เสี้ยวของตนเอง (โดยที่ประเทศอื่นไม่จำเป็น (ไม่วาญิบ) ต้องตามการเห็นจันทร์เสี้ยวของประเทศดังกล่าว) นี่คือทรรศนะของอิกริมะฮ์, อิสหาก (อิบนุรอฮะวัยฮ์), อัลกอสิม และสาลิม (2) แต่ท่านอื่น ๆ กลับกล่าวว่า : เมื่อเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั้งหลายว่าประชาชนของเมืองใดเมืองหนึ่งได้เห็นจันทร์เสี้ยว พวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องตามการเห็นจันทร์เสี้ยวของเมืองนั้น โดยที่พวกเขาต้องถือศีลอดชดใช้ (เกาะฎออ์) อันเนื่องมาจากพวกเขาไม่ได้ถือศีลอดในวันนั้น นี่คือทรรศนะของอิมามอัลลัยษ์ อิบนุสะอฺด์, อิมามอัชชาฟิอี และอิมามอะห์มัด (อิบนุหัมบัล) รวมถึงอัลมะดะนี (หมายถึง อิมามมาลิก อิบนุอะนัส) […]

Om Omar Muktar

10/06/2561

ข้อกำหนด (หุกม์) ในเรื่องการมีภริยาหลายคน (สมรสซ้อน) และวิทยปัญญา (หิกมะฮ์) แห่งศาสนบัญญัติเรื่องนี้

ข้อกำหนด (หุกม์) ในเรื่องการมีภริยาหลายคน (สมรสซ้อน) และวิทยปัญญา (หิกมะฮ์) แห่งศาสนบัญญัติเรื่องนี้ 1. ข้อกำหนดเรื่องการมีภริยาหลายคน : การมีภริยาหลายคนเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุญาต (มุบาห์) ให้กระทำได้ ตั้งแต่เดิม อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า : “และหากพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกำพร้าได้ ก็จงสมรสกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า ในหมู่หญิงสองคน หรือสามคน หรือสี่คน” [อันนิสาอ์ : 3] ความหมายของอายะฮ์นี้คือ : หากพวกท่านสมรสกับหญิงที่เป็นกำพร้า แล้วเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในการปฏิบัติกับพวกนางได้ ก็อนุญาต (มุบาห์) ให้พวกท่านสมรสกับหญิงอื่น สองคน สามคน และสี่คน ทว่าการมีภริยาหลายคนอาจส่งเสริม (มันดูบ) หรือน่ารังเกียจ (มักรูฮ์) หรือต้องห้าม (หะรอม) แล้วแต่กรณี และขึ้นอยู่กับการพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ประสงค์จะมีภริยาหลายคน (ก)  หากความต้องการของชายที่จะมีภริยาอีกคนหนึ่ง : เกิดขึ้นเนื่องจากการมีภริยาเพียงคนเดียว ยังไม่อาจปกป้องตนเองให้พ้นจากการกระทำผิดประเวณีได้ หรือเนื่องจากภริยาคนแรกป่วย หรือเป็นหมัน และเขาต้องการมีบุตร และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถให้ความยุติธรรมระหว่างภริยาทั้งสองคนได้ การมีภริยาเกินกว่าหนึ่งคนสำหรับเขาจึงตกเป็นการส่งเสริม (มันดูบ) เหตุเพราะจะก่อให้เกิดผลดีที่เป็นไปตามศาสนบัญญัติ และแท้จริงแล้วบรรดาเศาะหาบะฮ์เป็นจำนวนมากก็มีภริยาเกินกว่าหนึ่งคน […]

Om Omar Muktar

09/06/2561

ข้อกำหนด (หุกม์) ของการสมรส (นิกาห์) ตามบทบัญญัติแห่งอิสลาม

مصطفى الخن ومصطفى البغا وعلي الشربجي ، ” الفقه المنهجي “ ، ط ١٣ ، ( دمش : دار القلم ، ١٤٣٣ ) ج ٢ ص ١٣ – ١٥ . การสมรสมิได้มีข้อกำหนดเพียงประการเดียว แต่ทว่ามีข้อกำหนดหลายประการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานภาพของแต่ละบุคคล ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้ : 1. ส่งเสริม (มุสตะหับ) : ในกรณีที่บุคคลนั้นต้องการสมรส : กล่าวคือตัวเขาเองมีความต้องการที่จะสมรส และเขามีค่าใช้จ่ายในการสมรส เช่น ค่าสมรส (มะฮัร) และมีค่าเลี้ยงดูสำหรับตนเองและภริยา ในขณะเดียวกันหากเขาไม่สมรส เขาก็ไม่เกรงว่าตนจะกระทำความผิดโดยละเมิดประเวณี (ซินา) กรณีเช่นนี้การสมรสถือเป็นการส่งเสริม (มุสตะหับ) เนื่องจากการสมรสของเขาจะเป็นการสืบทอดความคงอยู่ของมนุษยชาติเป็นการรักษาการสืบสกุลไว้ และยังจะมีผลดีในด้านต่างๆ อีกมาก […]

Om Omar Muktar

09/06/2561